อสังหาริมทรัพย์ รับจำนองขายฝาก บริการรับจำนอง กระบวนการ

อสังหาริมทรัพย์ รับจำนองขายฝาก บริการรับจำนอง กำเนิดอะไรขึ้นเมื่อไม่ได้บังคับจำนำด้านในอายุความบังคับคดี?การจำนำ เป็นกรรมวิธีการก่อหลักประกันในเงินทองที่ยังคงได้รับความนิยมอย่างยิ่งในประเทศไทยซึ่งจุดเด่นของการจำนองสำหรับเจ้าหนี้ที่เป็นที่รู้กันทั่วๆไปเป็น การจำนำ ทำให้เจ้าหนี้ผู้รับจำนองเป็นเจ้าหนี้บุขอบสิทธิ มีสิทธิสำหรับการบังคับจ่ายหนี้จากสินทรัพย์ที่จำนำได้ก่อนเจ้าหนี้รายอื่นของลูกหนี้จุดเด่นอีกอย่างของการจำนองที่บางคนบางทีอาจจะยังไม่รู้เป็น การบังคับตามข้อตกลงจำนำไม่มีอายุความ หากว่าหนี้ที่ใช้การจำนำเป็นหลักประกันจะเกินกำหนดความไปแล้ว เจ้าหนี้ก็ยังสามารถบังคับจำนำได้ แต่จะเรียกดอกได้ไม่เกิน 5 ปี ตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 193/27 แล้วก็ 745 ที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ แต่ข้อความสำคัญที่น่าดึงดูดสำหรับประเด็นนี้คือ สำหรับการจะบังคับจำนำไม่ว่าจะโดยการยึดทรัพย์ หรือการขายทอดตลาด ผู้รับจำนองจะต้องไปฟ้องต่อศาล รวมทั้งจะบังคับจำนำได้ก็ต่อเมื่อได้รับคำพิพากษาแล้วเท่านั้นแต่ว่าเมื่อได้รับคำพิพากษาแล้ว ประมวลกฎหมายแนวทางพินิจพิเคราะห์ความแพ่งได้ระบุว่า เจ้าหนี้จะต้องทำงานบังคับคดีตามคำวินิจฉัยภายใน 10 ปี นับจากวันที่มีคำวินิจฉัย มิเช่นนั้นก็จะเสียสิทธิสำหรับการบังคับคดีตามคำพิพากษานั้นไป ก็เลยก่อให้เกิดปัญหากล่าวถึงผลของข้อบังคับ อสังหาริมทรัพย์ รับจำนองขายฝาก บริการรับจำนอง แนวทางพิจารณาคดีดังกล่าว ทำให้แท้จริงการบังคับจำนำแก่ความที่เจ้าหนี้จำเป็นจะต้องปฏิบัติงานให้เสร็จสิ้นไปใช่หรือไม่ หรือว่าความรู้ความเข้าใจสำนักงานบังคับจำนำไม่มีอายุความจะไม่ถูกจำต้อง?ในประเด็นนี้เคยมีคดีที่บริษัท ส เจ้าหนี้ซึ่งรับสิทธิการจำนำในที่ดินโฉนดเลขที่ 194758 ของนาย จ ลูกหนี้จำนำมาจากบริษัทบริหารทรัพย์สินเพชรบุรี โดยในเดือน พฤศจิกายน2540 ศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาให้บังคับจำนำที่ดินโฉนดเลขที่ 194758 เพื่อนำมาจ่ายและชำระหนี้ แม้กระนั้นบริษัท ส ไม่ได้ทำงานนำที่ดินดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้วออกขายขายทอดตลาด จนตราบเท่าถัดมาบริษัทลีสซิ่ง เจ้าหนี้ไม่มีหลักประกันอีกรายหนึ่งของนาย จ ได้ฟ้องนาย จ เพื่อขอรับชำระหนี้ตามคำสัญญา จนศาลในคดีหลังมีคำพิพากษาให้นาย จ ชำระหนี้ รวมทั้งเมื่อนาย จ ไม่จ่ายหนี้ จึงมีคำบัญชาให้เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดที่ดินโฉนดเลขที่ 194758 เพื่อนำเงินมาจ่ายและชำระหนี้เมื่อบริษัท ส ทราบเรื่อง ก็เลยได้มาขอกันส่วนเงินที่เป็นหนี้เป็นสินจำนำตามคำพิพากษาปี 2540 หลักสำคัญวิวาทจึงมีอยู่ว่า บริษัท ส ยังมีสิทธิจะขอกันเงินจากการขายทอดตลาดที่ดินโฉนดเลขที่ 194758 ได้หรือเปล่า เมื่อบริษัท ส มิได้บังคับตามคำพิพากษาภายในเวลา 10 ปีในกรณีนี้ศาลชั้นต้นได้ชูคำเรียกร้องกันส่วนของบริษัท ส เนื่องจากมีความคิดเห็นว่าการบังคับหนี้จำนองตามคำวินิจฉัยหมดอายุความไปแล้ว และก็ศาลอุทธรณ์ชี้ขาดยืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นคดีนี้ขึ้นสู่การพิจารณาของศาลฎีกา โดยศาลฎีกาได้มีคำตัดสินที่ 7397/2561 คืนคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เมื่อพินิจพิจารณาคำตัดสินศาลฎีกาโดยละเอียดแล้วจะเห็นว่า ในความเป็นจริงแล้วศาลฎีกาเห็นด้วยกับการวิเคราะห์ของศาลชั้นต้นกับศาลอุทธรณ์ ว่าการบังคับคดีตามคำตัดสินเมื่อปี 2540 ไม่อาจจะทำเป็นด้วยเหตุว่าขาดอายุความ แต่หัวข้อนี้จำเป็นต้องแยกเรื่องอายุความการบังคับคดีออกมาจากอายุความการบังคับการจำนำ ซึ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์การบังคับจำนองสามารถทำได้โดยไม่มีข้อจำกัดด้านอายุความ ก็แค่เจ้าหนี้จะสามารถบังคับดอกเบี้ยเกินกว่า 5 ปีไม่ได้ ยิ่งกว่านั้นการบังคับคดีแก่ทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาย่อมไม่กระเทือนต่อบุริมสิทธิของผู้รับจำนอง เพราะฉะนั้น บริษัท ส ก็เลยสามารถขอความช่วยเหลือกันส่วนเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดที่ดินโฉนดเลขที่ 194758 เพื่อการใช้หนี้จำนำได้ แม้กระนั้นทั้งนี้บริษัท ส จะบังคับดอกเกินกว่า 5 ปีมิได้กล่าวโดยสรุปคือ ถึงแม้ว่าคำตัดสินบังคับจำนองจะเกินอายุความไปแล้ว แต่เมื่อสัญญาจำนองยังคงมีผลใช้บังคับได้อยู่ เจ้าหนี้จำนำจึงยังคงมีสถานะเป็นเจ้าหนี้บุขอบสิทธิตามสัญญาจำนำ รวมทั้งยังคงสามารถใช้สิทธิขอกันส่วนจากสินทรัพย์ดังที่กล่าวมาข้างต้นได้

ลักษณะ 12 จำนอง หมวด 1 บทเบ็ดเสร็จทั่วไปมาตรา 702 อันว่าจำนองนั้น เป็นสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่งเรียกว่าผู้จำนองเอาเงินทองตราไว้แก่บุคคลอีกคนหนึ่งเรียกว่าผู้รับจำนองเป็นประกันการจ่ายหนี้ โดยไม่ส่ง อสังหาริมทรัพย์ รับจำนองขายฝาก บริการรับจำนอง เงินนั้นให้แก่ผู้รับจำนำผู้รับจำนองถูกใจที่กำลังจะได้รับใช้หนี้ใช้สินจากทรัพย์สินที่จำนำก่อนเจ้าหนี้สามัญไม่พักจำเป็นต้องตรึกตรองว่ากรรมสิทธิ์ในเงินจะได้โอนไปยังบุคคลภายนอกแล้วหรือหาไม่มาตรา 703 อันอสังหาริมทรัพย์นั้นบางทีอาจจำนำได้ไม่ว่าชนิดอะไรก็ตามสังหาริมทรัพย์อันจะกล่าวตั้งแต่นี้ต่อไปก็บางทีอาจจำนองได้ดุจกัน หากว่าได้ลงบัญชีไว้แล้วตามกฎหมายเป็น
(1) เรือมีระวางตั้งแต่ห้าตันขึ้นไป (แก้ไข*ฉบับที่ 14*พุทธศักราช 2548)
(2) แพ
(3) สัตว์พาหนะ

(4) สังหาริมทรัพย์อื่นๆซึ่งกฎหมายถ้ากำหนดไว้ให้ขึ้นทะเบียน เฉพาะการมาตรา 704 สัญญาจำนำต้องกำหนดทรัพย์สินซึ่งจำนองมาตรา 705 การจำนำทรัพย์สินนั้น นอกจากผู้ที่เป็นเจ้าของเวลานี้แล้ว ท่านว่าคนใดอื่นจะจำนำหาได้ไม่มาตรา 706 บุคคลมีสิทธิในทรัพย์สินแต่ว่าด้านในบังคับข้อจำกัดเช่นใดจะจำนองสินทรัพย์นั้นได้แม้กระนั้นภายในบังคับข้อแม้แบบนั้นมาตรา 707 บทบัญญัติมาตรา 681 ว่าด้วยรับประกันนั้น ท่านให้ใช้ได้สำหรับเพื่อการจำนองผ่อนปรนพอควรมาตรา 708 ข้อตกลงจำนำนั้นควรมีจำนวนเงินระบุไว้เป็นเรือนเงินไทยเป็นปริมาณแน่ตรงตัวหรือจำนวนขั้นสูงสุดที่ได้เอาเงินจำนำนั้นเป็นตราไว้เป็นประกันมาตรา 709 บุคคลคนหนึ่งจะจำนองเงินของตัวเองไว้เพื่อรับรองหนี้อันบุคคลอื่นจะต้องจ่ายก็ให้ทำได้มาตรา 710 เงินหลายสิ่งมีเจ้าของคนเดียวหรือผู้คนจำนวนมากจะจำนองเพื่อประกันการจ่ายชำระหนี้แม้กระนั้นรายหนึ่งรายเดียวท่านก็ให้ทำเป็นแล้วก็ในการนี้คู่สัญญาจะตกลงกันดังต่อแต่นี้ไปก็ได้ เป็นว่า
(1) ให้ผู้รับจำนองใช้สิทธิบังคับแก่เงินทองซึ่งจำนำเป็นลำดับอันระบุไว้
(2) ให้ถือเอาเงินแต่ละสิ่งเป็นประกันหนี้สินเฉพาะแม้กระนั้นส่วนหนึ่งส่วนใดที่ระบุไว้มาตรา 711 การที่จะตกลงกันไว้เสียแต่ก่อนเวลาหนี้สินถึงเวลาชำระเป็นเนื้อความอย่างใดอย่างหนึ่งว่า ถ้าไม่ใช้หนี้ให้ผู้รับจำนำเข้ามาเป็นผู้ครอบครองสินทรัพย์ซึ่งจำนำหรือว่าให้จัดการแก่ทรัพย์สินนั้นเป็นประการอื่นประการใดนอกจากตามบทบัญญัติทั้งหลายแหล่ว่าด้วยการ บังคับจำนองนั้นไซร้ กติกาเช่นนั้นท่านว่าไม่สมบูรณ์มาตรา 712 หากแม้ถึงว่ามีข้อสัญญาเป็นอย่างอื่นก็ตามเงินซึ่งจำนองไว้แก่บุคคลคนหนึ่งนั้น ท่านว่าจะเอาไปจำนองแก่บุคคลอีกคนหนึ่งในระหว่างในเวลาที่ข้อตกลงก่อนยังมีอายุอยู่ก็ได้มาตรา 713 ถ้าหากไม่ได้ตกลงกันไว้เป็นอันอื่นในคำสัญญาจำนำท่านว่าผู้จำนองจะจ่ายและชำระหนี้ล้างจำนำเป็นงวดๆก็ได้มาตรา 714 อันข้อตกลง อสังหาริมทรัพย์ รับจำนองขายฝาก บริการรับจำนอง จำนองนั้น ท่านว่าจะต้องเป็นหนังสือรวมทั้งขึ้นทะเบียนต่อพนักงานข้าราชการ